Screaming Eagles : สงครามกลางเมืองของสาธารณรัฐ
เมื่อสงครามฉีกประเทศออกเป็นเสี่ยง ชายหนุ่มจึงต้องจับปืนขึ้นมาเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติของตนที่แสวงหาเสรีภาพไม่ต่างกัน เพื่อให้ธงบนไหล่ของตนสะมานเป็นธงผืนเดียวอีกครั้ง
ผู้เข้าชมรวม
3,058
ผู้เข้าชมเดือนนี้
140
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลังการล่มสลายของโลกที่ครั้งหนึ่งเคยมีอารยธรรม เศษซากของมนุษยชาติที่หลงเหลืออยู่ก็ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างอารยธรรมของตนกลับขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มแรกการก่อตัวของประเทศเกิดใหม่นั้นเต็มไปด้วยเหล่าเผด็จการที่มีอำนาจอยู่เต็มกำมือของตน บ้างก็เพื่อที่พวกเขาจะสามารถจัดสรรประเทศที่เกิดใหม่หลังการล่มสลายได้อย่างสะดวก แต่บ้าง…ก็แค่เพื่อให้ตนอยู่เหนือคนอื่นเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็เริ่มถามหาอิสระภาพและสิทธิในการมีส่วนร่วมในการปกครองของตน
“รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน”
เมื่อธงพัดขึ้นโบกสะบัดอยู่เหนือสภาของเมืองแอตแลนต้าเมื่อตอนนั้นเองที่สาธารณรัฐแอลบาร์กำเนิดขึ้นในความเชื่อและความหวังของผู้คนที่หวังว่ามันจะเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพแห่งใหม่ ปราการหลักของโลกเสรี ดินแดนแห่งประชาธิปไตยที่มอบอิสระภาพให้กับประชาชนของตนเอง
พวกเขาสร้างมันขึ้นมาในการต่อสู้กับเผด็จการที่ปกครองเหนือดินแดนของพวกเขา หลั่งเลือดไปมากมายโดยเชื่อว่าเลือดที่หลั่งไปจะสร้างโลกใบใหม่ที่ดีกว่าเพื่อลูกหลานของตนในรุ่นต่อ ๆ ไป หลังจากการต่อสู้อันยาวนานและนองเลือดสิ้นสุดลง ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ขับไล่ผู้ปกครองออกจากดินแดนของตนไปได้ก่อนจะเริ่มการก่อสร้างประเทศเสรีนี้ขึ้น
แม้รากฐานจะหนักแน่น แต่ด้วยความอ่อนแอของอำนาจรัฐบาลกลางที่มากถึฃขนาดปล่อยให้บ้างรัฐมีกองกำลังเป็นของตน และการคอรัปชั่นภายในที่กัดกินตัวรัฐบาลกลางและรัฐต่าง ๆ แม้จะเจริญรุ่งเรืองแต่แอลบาร์นั้นก็อ่อนแอและพร้อมที่จะแตกตัวออกได้เสมอ ผู้คนไม่ได้มองว่าตนคือชาวแอลบาร์ แต่เป็นชาวของรัฐต่าง ๆ ที่ตนเกิดและอยู่อาศัย
ในปีศักราช A.G.D. ที่ 116 ได้มีการเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแอลบาร์ไปตลอดขึ้น เมื่อประธานาธิบดี วิลเลี่ยม ดี. พอตเตอร์ ได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำของแอลบาร์ที่เขาชนะการเลือกตั้งมาได้ด้วยนโยบายการแก้ปัญหาคอรัปชันต่าง ๆ และนโยบายที่ได้รับความสนใจที่สุดของเขาคือการสร้างอำนาจให้กับรัฐบาลกลางหรือรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
มันสร้างแรงกระเพื่อมในโลกการเมืองของแอลบาร์อย่างรุนแรง หัวอนุรักษ์กล่าวหาว่าเขาพยายามตั้งตนเป็นเผด็จการ หัวสมัยใหม่มองว่านโยบายของเขาคือทางออกของปัญหาที่แอลบาร์กำลังประสบพบเจอ ในท้ายที่สุดแล้ว แต่ในกลุ่มนักการเมืองทั้งหมด นักการเมืองจากรัฐอาร์คาเซียคือกลุ่มที่แสดงท่าทีต่อต้านมากที่สุด ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอาร์คาเซียนั้นห่างเหินกับตัวรัฐบาลหลักอย่างมาก
เนื่องจากอาร์คาเซียเป็นรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสองและมีความเจริญมาก แถมยังมีความสันโดษในการปกครองตนเองสูงมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการที่จะมอบอำนาจในการปกครองตนเองให้กับรัฐบาลกลางและไม่ต้องการส่งมอบงบประมาณและกำลังทหารของตัวเองที่เดิมที่ได้อำนาจในการดูแลเองไปให้รัฐบาลกลางเป็นคนจัดการ เมื่อมองว่าอีกฝั่งจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ อาร์คาเซียจึงได้ประกาศแยกตนเป็นอิสระจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลแอลบาร์
เมื่อสงครามกลางเมืองปะทุขึ้นจากความขุ่นมั่วของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจในคนอีกกลุ่มหนึ่ง เหล่าชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องจับอาวุธขึ้นห่ำหันพี่น้องร่วมชาติของตนเพื่อประสานประเทศอันเป็นที่รักของตนไม่ให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ การนองเลือดของคนชาติเดียวกันจึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลงานอื่นๆ ของ WordEater ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ WordEater
ความคิดเห็น